รรท.ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ สั่งย้ายแล้ว 5 ตำรวจ สภ.บำเหน็จณรงค์ เซ่นคลิปฉาวรุมทำร้ายชาวบ้าน ปมมีปากเสียงกับผู้เสียหายวัย 61 ปี บิดสตาร์ทรถจยย.เบิ้ลเครื่อง จะไปส่งเพื่อนบ้าน หลังเก็บร้านขายลูกชิ้นแยกย้ายจากงานวัด พร้อมยืนยันก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรง หรือมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ นำคลิปหลักฐานเข้าร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บำเหน็จณรงค์ เข้าตรวจที่เกิดเหตุ ก่อนรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เวลา 00.35 น.ที่ผ่านมา
โดยกล้องวงจรปิดริมถนนบริเวณหน้าวัดบ้านชวน ตรงข้ามกับบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.บ้านชวน อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ สามารถจับภาพได้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เดินเข้ามาหาชาวบ้านที่ยืนบนฟุตบาทริมถนน ได้มีการพูดคุยกันสักพักแล้วเหมือนมีปากเสียงกัน ตำรวจนายหนึ่งได้เข้าชกต่อยกับชาวบ้านผู้ชายจนล้มคว่ำลงกับพื้น แล้วได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดขับรถยนต์เข้ามาสมทบ และมีเจ้าหน้าที่ลงมาจากรถ หลังจากนั้นก็ได้เกิดการชุลมุนตามภาพวงจรปิด
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังพื้นที่ที่เกิดเหตุไปพบกับ นายปริญญา สุขสุวรรณ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้ายร่างกายทั้งที่อยู่ในบ้านของตนเอง จากการสอบถามนายปริญญาเล่าว่า ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราความเรียบร้อย ซึ่งวันนั้นเป็นวันออกพรรษาที่วัดบ้านชวน ตรงข้ามกับบ้านของตนที่ตนอยู่นั้น มีการจัดงานประจำปี ตนเองก็ขายลูกชิ้นอยู่บริเวณหน้าร้าน ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงคืน ตนเองและลูกหลานที่ขายของและขายลูกชิ้นอยู่บริเวณหน้าบ้าน ได้ทำการเก็บร้านเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดึกแล้ว ก่อนที่ลูกหลานจะบอกให้ไปส่งเพื่อนบ้าน
“ตนกำลังจะสตาร์ทรถ หลังจากที่สตาร์ทรถเสร็จแล้ว ตำรวจได้เดินออกจากวัดมาถามตนว่า “มึงเบิ้ลรถทำไม” ก่อนที่ตำรวจนายดังกล่าวนั้น จะโทรไปตามพรรคพวก ซึ่งคาดว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่มาตามภาพนั้น น่าจะอยู่บริเวณใกล้เคียง หรืออยู่ภายในวัดที่มีการจัดงาน ก่อนที่จะมีรถสายตรวจเข้ามาและมีเจ้าหน้าที่ลงมาจากรถ หลังจากนั้นก็ได้เกิดการชุลมุนตามภาพ
ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องและวันที่เกิดเหตุนั้น ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงหรือมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทบริเวณหน้าร้านของตนแต่อย่างใด หลังจากที่เกิดภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แยกย้ายกันกลับไป สร้างความมึนงงให้กับครอบครัว.
ส่วนนายฐิติพัฒน์ ขุนสูงเนิน อายุ 35 ปี 1 ในกลุ่มของผู้เสียหาย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกระชากคอลงมา ก่อนที่จะมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตะซ้ำ เล่าว่า หลังจากที่ตนเห็นเหตุการณ์และมีทางเจ้าหน้าที่ชุลมุนกับเหตุการณ์ ตนจึงได้เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ว่า “เป็นยังไงกันครับ หรือว่าเป็นอะไรกันครับ” ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้ถามตนว่า “มึงมีปัญหาใช่ไหม” ก่อนที่จะกระชากคอตนให้ล้มลง และมีเจ้าหน้าที่อีก 3 นายเข้ามารุมเตะตามภาพในคลิป เตะอยู่ประมาณ 2-3 ที ตนจะลุกขึ้นก็กดลงกับพื้นเตะซ้ำอีก จนหนำใจ สร้างความมึนงงให้กับตนว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้น ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ตนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณในที่เกิดเหตุ คลิปภาพที่มีทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานและจะรอหลานกลับมาจากต่างจังหวัด และจะเข้าแจ้งความเพื่อที่จะดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ที่รุมทำร้ายตนเองและพรรคพวกตามคลิปดังกล่าว
อีกทั้งยังจะไม่ยอมความ เนื่องจากมีการข่มขู่ทาง Facebook ซึ่งทำให้ตนและครอบครัวนั้นอยู่ในความหวาดระแวงพร้อมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุ มีผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.บำเหน็จณรงค์ เมื่อเวลา 14.44 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมมีการติดตามทวงถามความคืบหน้าของคดี โดยพนักงานสอบสวนแจ้งว่า อยู่ระหว่างติดตามตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าวมาให้ข้อมูล
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 รรท.ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ลงนามในหนังสือ คำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจมาปฏิบัติราชการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จำนวน 5 นาย ไล่ตั้งแต่ ร.ต.ต. 1 นาย และ ส.ต.ต. อีก 4 นาย รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
ขณะที่ พ.ต.อ.เวชบุตร ชมบุญ ผกก.สภ.บำเหน็จณรงค์ เผยว่า เบื้องต้นทราบเรื่องแล้ว และให้ทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้รับแจ้งความไว้แล้ว ส่วนในทางคดีและทางอาญานั้น ต้องรอให้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง หากตำรวจเป็นฝ่ายผิดจะดำเนินการทางวินัย พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จ หากพบว่าทำเกินกว่าเหตุก็จะดำเนินการทางวินัยต่อไปด้วย.