โผล่อีก! นักธุรกิจสาวร้องเพจดัง ถูกซินแสดัง ดีกรีเจ้าสัว อ้างชื่อ “บิ๊กป้อม-หญิงอ้อ-บิ๊กแป๊ะ” หลอกเหยื่อซื้อที่สุสานทำแซกี สูญเงินเกือบล้าน ผ่านมา3ปี ไม่ทำพิธีสักที
วันที่ 7 พ.ย. 67 นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ “กล้าที่จะก้าว” ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.นัทกานต์ หรือ แนส (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีว่า ถูกตัวแทนบริษัทสุสานจีนเอกชนชื่อดัง รวมทั้งซินแสชื่อดังที่อ้างตัวว่าเป็นซินแสของเจ้าสัวประเทศไทยหลอกให้ซื้อที่ดิน หรือสุสานคนเป็นใน จ.ชลบุรี เพื่อทำพิธีแซกี หรือการสืบชะตา หมดเงินไปร่วมล้านบาท
แต่ผ่านมา 3 ปี กลับไม่มีการดำเนินการ หรือทำพิธีให้ จนหมดศรัทธาในความเชื่อเรื่องศาสตร์พวกนี้ จนอยากยกเลิกสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ เพราะไม่สามารถติดต่อบริษัทดังกล่าวกับซินแสคนดังกล่าวได้
จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า น.ส.นัทกานต์ ได้ทำเอกสารการจองที่ทำสุสานดังกล่าวในแปลงที่ BDA168 ขนาด 22 ตรม. กว้าง 4 เมตร ยาว 5.5 เมตร ค่าที่ดินราคา 321,000 บาท ค่าก่อสร้าง 244,816 บาท ค่าตกแต่ง 42,000 บาท รวมเป็นเงิน 608,616 บาท โดยได้วางเงินจองเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 เป็นจำนวน 121,723 บาท และทำการผ่อนชำระอีก งวดละ 40,575 บาท เป็นจำนวน 11 งวด และผ่อน 40,567 บาท อีกจำนวน 1 งวด รวมเป็นเงิน 608,615 บาท จากนั้นเมื่อ ส.ค. 64ได้มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มอีก เพื่อเร่งทำพิธีแซกีอีก จำนวน 300,000 บาท รวมเป็นเงินยอดรวมทั้งหมดคือ 908,615 บาท โดยมีใบเสร็จ และสลิปการโอนเงินทั้งหมดของบริษัทและตัวแทนดังกล่าว
จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 67 น.ส.นัทกานต์ ได้ติดตามเรื่องไปที่ตัวแทนบริษัทกับซินแสคนดังกล่าวกลับถูกบ่ายเบี่ยง และไม่สามารถติดต่อได้ จึงเดินทางไปที่บริษัทรับสร้างสุสานดังกล่าวที่ใน กทม. เพื่อหวังสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการสร้างสุสานเสริมดวง แต่กลับได้รับเอกสารจากทางบริษัทกลับมาแค่ 1 ใบ รวมทั้งต้องจ่ายค่าเอกสารดังกล่าวอีกจำนวน 3,000 บาท ทำให้ น.ส.นัทกานต์ เกิดความสงสัยจึงเดินทางไปที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ที่ตั้งของสุสานดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบจึงพบว่ามีพื้นที่ที่จองไว้มีแค่แผ่นปูนกับที่ดิน ซึ่งเป็นลานหญ้าเปล่าๆ เท่านั้น จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีในเบื้องต้นที่ สภ.บางบัวทอ งก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแนะนำให้ไปแจ้งที่ สคบ.เพื่อดำเนินการต่อไป
น.ส.นัทกานต์ กล่าวว่า ต้นเรื่องเกิดเมื่อ ก.ค. 63 เพราะอดีตสามีได้ชวนตนไปทำแซกีเต่ามังกรในสืบชะตาให้ชีวิตดีขึ้น เนื่องจากในตอนนั้นตนเองมีสุขภาพไม่ค่อยดี เพราะมีความเครียด และมีบุตรยากจึงได้ไปทำกิ๊ฟ เพื่ออยากมีลูกมาแล้วประมาณ 7 รอบ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้ตนหวังมาพึ่งพาการทำแซกีตามหลักความเชื่อคนจีนว่า ทำแล้วจะทำให้ตนเองมีสุขภาพที่ดีขึ้น ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปทำพิธีที่ จ.ชลบุรี โดยการทำแซกีเต่ามังกร 10 กว่าตัว ในราคาตัวละ 48,000 บาท ไม่รวมค่าทำพิธี พร้อมกับทำการกรอกประวัติตัวเองให้ไว้กับสุสานของบริษัทดังกล่าว
น.ส.นัทกานต์ เล่าต่อว่า ต่อมาใน ส.ค. 63ได้มีตัวแทนบริษัทสุสานดังกล่าวติดต่อมาหาตน พร้อมกับอ้างว่ามีการติดตามความคืบหน้าว่าชีวิตตนว่าสุขภาพจะดีขึ้นไหม พร้อมกับแนะนำเรื่องการทำแซกีสุสาน เพื่อให้ตนสามารถมีลูกได้ง่ายขึ้น โดยบอกว่าต้องให้ตนทำสุสานให้มีขนาดใหญ่โตขึ้น จึงจะประสบความสำเร็จ พร้อมกับทำการโน้มน้าว และชักจูงตน โดยบอกว่ามีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงมาทำพิธีนี้เช่นกัน อาทิ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พร้อมกับโชว์ป้ายหลุมให้ตนดู จนทำให้ตนเกิดความเชื่อถือ เพราะขนาดผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงยังมาทำพิธีดังกล่าว พร้อมกับเสนอให้ตนเองซื้อที่ดินทำสุสานในราคา 608,615 บาท ด้วยความที่ตนอยากมีลูกจึงประกอบกับความเชื่อในศาสตร์ดังกล่าว ตนจึงได้ตกลงทำพิธีดังกล่าว โดยตกลงจ่ายเป็นงวดโดยงวดแรกในวันที่ 1ก.ย. 63 ตนได้จ่ายเงินค่าทำพิธีไปเป็นเงินจำนวน 121,723 บาท จากนั้นได้ผ่อนต่ออีกเดือนละ 40,575 บาท จำนวน 12 งวด แต่สุดท้ายตนถูกตัวแทนบริษัทมาเร่งให้ทำพิธี โดยต้องปิดยอดเงินที่ผ่อนอยู่เป็นเงินอีก 300,000 บาท ด้วยความที่อยากทำพิธีตามศาสตร์ดังกล่าวให้ครบถ้วน ตนจึงตัดสินใจจ่ายค่าทำพิธีดังกล่าวไปอีกตำนวน 300,000 บาทไป
น.ส.นัทกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังตนจ่ายค่าทำพิธีอีกจำนวน 300,000 บาท เพื่อปิดยอดทำพิธีไปแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้มีการติดต่อมาทำพิธีใดๆ ให้กับตน จนเวลาผ่านมาถึง 3 ปีแล้ว ทุกวันนี้ตนก็ยังไม่ได้ทำพิธีอะไรในพื้นที่สุสานดังกล่าวเลย พอตนติดต่อไปก็ถูกบ่ายเบี่ยงอ้าง และโยนกันไปมาในบริษัท จนตนไม่รู้ว่าเรื่องจองตนจะไปจบที่ตรงไหน ตอนนี้ตนแค่ต้องการยกเลิกสัญญา และขอเงินคืน เพราะทางบริษัทผิดสัญญา
รวมทั้งตนไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เหมือนตนอีก ตนเคยสืบทราบมาว่าทางเจ้าของบริษัทแห่งนี้เป็นคนมาเลเซียเท่านั้น หลังตัดสินใจไปแจ้งความที้โรงพักแล้วตนจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทางเพจ “กล้าที่จะก้าว” ให้เข้ามาช่วยเหลือเพราะตนไม่รู้ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ตนยอมรับว่าหลังถูกหลอกแบบนี้แล้ว ทำให้ตนเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อศาสตร์พวกนี้ และเชื่อว่าไม่ใช่แค่ตนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกหลอก แต่ยังมีอีกหลายคนเป็นกลุ่มก็มีที่ต้องมาเสียเงินจำนวนเป็นล้านให้กับขนวนการเหล่านี้ โดยตนตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องศาสตร์แบบนี้อีกแล้ว มันเป็นการหลอกลวงประชาชน ในความคิดของตนใช้ความเชื่อมาหากินกับคนไทยด้วยกัน
ด้านนายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ “กล้าที่จะก้าว” กล่าวว่า ผู้เสียหายได้ร้องเรียนมาที่เพจพร้อมกับนำหลักฐานทั้งหมดมาให้ตรวจสอบ จึงพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ การอาศัยความเชื่อมาหลอกลวงทำให้เขาสูญเงินไปเกือบล้านบาทนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งตนจะพาผู้เสียหายไปพบเลขาธิการ สคบ. ว่าจะมีการช่วยเหลือทางด้านใดได้บ้าง เพราะกรณีนี้สามารถเตือนภัยประชาชนได้
จากที่ตนได้ตรวจสอบหลักฐานพบว่า ตัวแทนของบริษัทได้มีการกล่าวอ้างเอานักการเมืองคนดังระดับประเทศมาโน้มน้าวให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เรื่องนี้ตนได้ประสานไปยังอธิบดีกรมที่ดิน และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าที่ดินพื้นดังกล่าวเองก็มีความแปลก ติดกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติด้วย ซึ่งหลังจากนี้ตนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบหาความจริงเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวต่อไป
ในเบื้องต้นผู้เสียหายได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด พร้อมกับประสานไปที่ สคบ.เพื่อขอเข้าพบ โดยเตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบเรื่องที่ดินสุสานแห่งนี้ว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่