ถ้าหากคุณกำลังมองหามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เรามีมาแนะนำทั้งคุณภาพที่ดี มีการออกแบบที่สวยงาม และมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี อีกทั้งยังมีราคาที่เหมาะสมกับสมรรถนะที่ได้รับด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ และประหยัด วันนี้จับฉ่ายรีวิวเรามีมาแนะนำในบทความนี้ จะมียี่ห้อไหนบ้างไปดูกันได้เลย
5 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่ได้รับความนิยม
1. มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า DECO รุ่น Super Ace
คุณสมบัติ
- มอเตอร์ 2000W (มีการรับประกัน 3 ปี)
- แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน LFP ความจุ 73.6V30Ah (มีการรับประกัน 2 ปี)
- ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม.
- ระยะทางสูงสุด 70-85 กม. (ทดสอบที่ความเร็วเฉลี่ย 35 กม./ชม.) ระยะทางที่แท้จริงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสไตล์การขับขี่
- ระบบเบรก ดิสก์หน้าและหลัง
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ: ล็อค/ปลดล็อค สตาร์ท และค้นหารถจากระยะไกล
- หน้าจอแสดงผล แสดงความเร็ว ระยะทาง และระดับแบตเตอรี่
- มีเซ็นเซอร์ขาตั้ง ป้องกันไม่ให้รถออกตัวเมื่อขาตั้งข้างยังลงอยู่
- น้ำหนัก 99.80 กก.
- รองรับน้ำหนักบรรทุก 200 กก.
- ขนาด: 750x1880x1080 มม.
2. มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า DECO รุ่น HANNAH
คุณสมบัติ
- มอเตอร์ 1000W (มีการรับประกัน 3 ปี)
- แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน NMC ถอดเปลี่ยนได้ ความจุ 64V20Ah (มีการรับประกัน 2 ปี)
- ความเร็วสูงสุด: 65 กม./ชม.
- ระยะทางสูงสุด: 60 กม. ระยะทางที่แท้จริงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสไตล์การขับขี่
- ระบบเบรก ดิสก์หน้าและหลัง
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ ล็อค/ปลดล็อค สตาร์ท และค้นหารถจากระยะไกล
- หน้าจอแสดงผล แสดงความเร็ว ระยะทาง และระดับแบตเตอรี่
- เซ็นเซอร์ขาตั้ง ป้องกันไม่ให้รถออกตัวเมื่อขาตั้งข้างยังลงอยู่
- น้ำหนัก 88 กก.
- รองรับน้ำหนักบรรทุก 150 กก.
- ขนาด 1850x680x1050 มม.
3. มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LEETA POWER 3000W
คุณสมบัติ
- มอเตอร์ 3000W (มีการรับประกัน 3 ปี)
- แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน NMC ถอดเปลี่ยนได้ ความจุ 72V30Ah (มีการรับประกัน 2 ปี)
- ความเร็วสูงสุด 75 กม./ชม.
- ระยะทาง 70-80 กม.
- ระบบเบรก ดิสก์หน้าและหลัง
- ระบบไฟ ไฟหน้า LED ไฟท้าย LED ไฟเลี้ยว LED
- หน้าจอแสดงผล จอ LCD แสดงความเร็ว ระยะทาง ระดับแบตเตอรี่ และข้อมูลอื่นๆ
- ฟังก์ชั่นพิเศษ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบกันขโมย ช่องเก็บของใต้เบาะ
- น้ำหนัก 105 กก. (ไม่รวมแบตเตอรี่)
- ขนาด 1990 x 710 x 1080 มม.
4. มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า STROM รุ่น Sailfish SFH-150Ls
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีรุ่นนี้มีดีไซน์เรโทรคลาสสิก มีมอเตอร์แรง ทำให้ขับขี่สนุก และแบตเตอรี่มีความจุสูง สามารถวิ่งได้ไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มีระบบกุญแจอัจฉริยะที่สะดวกสบาย มีหน้าจอแสดงผลอ่านง่าย และมีฟังก์ชั่นพิเศษเช่น ระบบกันขโมย และช่องเก็บของใต้เบาะ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าไฟด้วย
คุณสมบัติ
- มอเตอร์ 1500W (มีการรับประกัน 3 ปี)
- แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน LFP ความจุ 2.16 kWh (มีการรับประกัน 2 ปี)
- ความเร็วสูงสุด 75 กม./ชม.
- ระยะทาง 80 กม. (50 ไมล์) (ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน)
- ระบบเบรก ดิสก์หน้าและดรัมหลัง
- ระบบไฟ ไฟหน้า LED ไฟท้าย LED ไฟเลี้ยว LED
- หน้าจอแสดงผล จอ LCD แสดงความเร็ว ระยะทาง ระดับแบตเตอรี่ และข้อมูลอื่นๆ
- ฟังก์ชั่นพิเศษ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบกันขโมย ช่องเก็บของใต้เบาะ
- น้ำหนัก 85 กก. (ไม่รวมแบตเตอรี่)
- ขนาด 1980 x 580 x 1000 มม.
5. มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LULAE V10s
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีรุ่นนี้มีราคาประหยัด ดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย และมีฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น ระบบกุญแจรีโมท และช่องเก็บของใต้เบาะ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยประหยัดค่าไฟ และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี
คุณสมบัติ
- มอเตอร์ 1000W (มีการรับประกัน 3 ปี)
- แบตเตอรี่ 60V24Ah (มีการรับประกัน 2 ปี)
- ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม.
- ระยะทาง 60-70 กม.
- ระบบเบรก ดิสก์หน้าและดรัมหลัง
- ระบบไฟ ไฟหน้า LED ไฟท้าย LED ไฟเลี้ยว
- หน้าจอแสดงผล จอ LCD แสดงความเร็ว ระยะทาง ระดับแบตเตอรี่ และข้อมูลอื่นๆ
- ฟังก์ชั่นพิเศษ ระบบกุญแจรีโมท ช่องเก็บของใต้เบาะ
- น้ำหนัก 135 กก.
- ขนาด 1750 x 750 x 1050 มม.
จุดเด่นของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
1.ช่วยประหยัดเงินในการบำรุงรถมอเตอร์ไซค์
อย่างแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ความสามารถในการประหยัดเงินที่น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ โดยเราสามารถเก็บเงินในกระเป๋าไว้ได้อย่างมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินในค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เช่น ค่าน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเฟืองท้าย, ค่าน้ำมันเบรค หรือค่าเซอร์วิสในการตรวจเช็คสภาพรถตามระยะที่กำหนดไว้ ในทางกลับกัน การบำรุงรักษารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบระบบการทำงานของรถเอง การเช็คสภาพของลมยาง, เช็คเบรค และการเช็คปริมาณของแบตเตอรี่ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถทำได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องใช้บริการเซอร์วิสช่าง ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
2.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน
นอกจากที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรถแล้ว คุณยังสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าเรื่องค่าน้ำมันรถได้มากถึง 10 เท่า การใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้น ทำให้เราไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากมันใช้พลังงานไฟฟ้าที่สามารถชาร์จเข้าไปในตัวรถได้ ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่ใช้น้ำมัน ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินในการเติมน้ำมัน และไม่ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลงก็ไม่มีผลกระทบต่อคุณ ส่วนเรื่องการประหยัดได้ถึง 10 เท่านั้น เนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอยู่ที่ 1.1 บาทต่อกิโลเมตร ในขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีค่าต่อกิโลเมตรเพียง 0.1 บาทเท่านั้น
3.สามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีได้
ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้นำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เช่น บางรุ่นของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะและสภาพของรถได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องนำรถไปยังศูนย์บริการหลังการขาย เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างดีอีกด้วย
4.พลังงานสะอาดไม่สร้างมลภาวะให้โลก
การใช้พลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษต่างๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์หรือก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ซึ่งอาจจะลอยอยู่ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านการหายใจ นอกจากนี้ เสียงที่เกิดจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็มีระดับเสียงที่ต่ำไม่รบกวนคนในบริเวณรอบๆ อีกด้วย และยังไม่สร้างฝุ่นควันที่เป็นต้นเหตุของ PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอีกด้วย
5.เครื่องยนต์และอุปกรณ์มีความแข็งแรงทนทาน
คุณสมบัติของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีความแข็งแรงและทนทานอย่างมาก เครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ เกือบทุกชิ้นของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามักมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป อุปกรณ์ก็มีจำนวนที่น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ซึ่งถ้ารถเสียก็สามารถซ่อมแซมได้ง่ายด้วยตนเอง นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างคือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่มีส่วนที่ทำให้รถเกิดความร้อน ฉะนั้นการสัมผัสกับรถก็ไม่เป็นอันตราย ซึ่งจะต่างกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่มีความร้อนอยู่ในตัวรถเป็นพิเศษจากท่อไอเสียมีความร้อนสูง